นิทานคับ

ใบงาน1

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้กับ โน๊ต อุดม

โน๊ต อุดม จะมาบอกถึง สิ่งที่เรียนรู้เมื่ออายุปูนนี้กับ โน๊ต อุดม สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับ โน๊ต อุดม เชิญที่นี่

1. มนุษย์ต้องการสิ่งที่ตนเองไม่มี
2. เวลาที่เราวิ่งมารับโทรศัพท์จากที่ไกลๆ เมื่อถึงโทรศัพท์ เสียงมันมักจะหยุด เราจะช้าไป 1 จังหวะเสมอ
3. ถ้าแอบรักใคร อย่าฝากใครไปบอก บอกด้วยตัวเองจะดีกว่า
4. เวลาสั่งอาหารไว้นานแล้วยังไม่ได้สักที ให้พูดว่าไม่เอาจะได้เร็ว
5. ถ้าเรียกเก็บเงินแล้วไม่มีใครมาเก็บเสียที ให้ลุกขึ้นทำท่าจะกลับทั้งโต๊ะ จะมีพนักงานพุ่งมาทันที
6. ปลูกต้นลั่นทมไว้หน้าบ้าน ไม่เกี่ยวอะไรกับความทุกข์ระทมของตัวเราเลย
7. ระวังคนขายโรตี ที่เพิ่งเดินออกมาจากป่าละเมาะ, พุ่มไม้, ซอกตึก อย่าตัดสินใจซื้อจนกว่าเขาจะล้างมือ
8. ไม่มีสัจจะในร้านตัดเสื้อ
9. ระวังคนที่แสดงออกว่าเป็นคนดีมากๆ
10. อย่าซื้อทุเรียนมาปอกเอง
11. หนังสือดี คือหนังสือที่เราชอบอ่าน, หนังดีคือ หนังที่เราชอบดู
12. อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่เรานินทามากๆ อย่าลืมย้ำบ่อยๆ ว่าอย่าบอกใครนะ
13. อย่าทิ้งกระดาษชำระไว้ในชามก๋วยเตี๋ยว คนล้างจะเสียความรู้สึก
14. เรียกยามว่าซีเคียวรีตี้ การ์ด ยามจะตั้งใจโบกรถ
15. อย่าซื้ออะไรที่ต้องเอามาซ่อมต่อ
16. รถในเมืองไทยพวงมาลัยอยู่ทางขวา แต่ฝาน้ำมันไม่อยู่ขวาเสมอไป
17. ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนไม่ต้องเอายาสีฟันไปก็ได้ ยังไงเพื่อนต้องมี
18. ตลาด อ.ต.ก. มาจากคำว่า เอเวอรี่ติง เกินราคา
19. เวลาดูหนังโรง ควรจำว่ากระปุกน้ำอยู่ด้านไหน
20. ตัดผมวันพุธได้ ไม่บาป
21. คนไม่กินเนื้อ ไม่ได้แปลว่าเป็นคนดีเสมอไป
22. เวลาบ้วนน้ำยาลิสเตอรีนออกจากปาก ให้หลับตาด้วย
23. ปูอัด มันทำจากปลา
24. กินก๋วยเตี๋ยวจากตะเกียบไม้อร่อยกว่า
25. อย่าไปจ่ายตลาดเวลาหิว เราจะซื้อมาเยอะเกินจำเป็นเสมอ
26. ในโลกนี้จะชอบมีคนมาทักอยู่ 2 ประเภทเท่านั้น ประเภทแรก อ้วนขึ้นนะ กับประเภทที่ 2 ผอมลงนะ ไม่มีใครเข้ามาทักว่าปกติดีนี่ไปทำอะไรมา
27. คนที่เอาหมวกตำรวจ หรือชุดตำรวจแขวนไว้หลังรถมิใช่เพราะบ้านเค้าไม่มีตู้ เค้าไม่ได้ลืม เค้าแค่กลัวคนไม่รู้ว่าเขาทำอาชีพอะไร
28. คนที่มีรถทะเบียนเลขเดียวเรียงติดกันหลายๆ ตัว เป็นคนธรรมดาเหมือนกับเรา
29. คนที่มีความรู้มากๆ เขามักจะใช้ความรู้ขังจินตนาการ
30. ฟู่ฟ่าเดี๋ยวก็วาย เรียบง่ายอยู่ได้นาน
31. จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา
32. เวลาที่เปิดหนังสือให้เพื่อนดู หน้าที่ตัวเองพูดถึงมักจะหาไม่เจอ
33. ขนมและน้ำในโรงหนัง จะแพงกว่าข้างนอก
34. ห้องน้ำผู้หญิง ผู้ชายเข้าไปดูเป็นพวกโรคจิต, ห้องน้ำผู้ชาย ผู้หญิงเข้ามาดูเป็นแม่บ้าน
35. เวลารถติด เลนอื่นมักไปได้เร็วกว่าเลนเราเสมอ
36. ถ้าเราขับรถไม่ทันไฟเขียวเป็นคันสุดท้าย ให้คิดว่าเดี๋ยวเราจะได้ไปเป็นคันแรก
37. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า "นี่เพื่อนฉัน" หมายความว่า "แฟนฉัน"
38. ถ้ามีการแนะนำตัวว่า "นี่แฟนฉัน" หมายความว่า "ผัว/เมียฉัน"

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

วีระบุรุษ














.................ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เรื่องเล่าของวีรบุรุษของคนหนุ่มสาวร่วมสมัย ที่ยังคงขลังและตราตรึงไม่เสื่อมคลาย สำหรับคนหนุ่มสาวค่อนโลกแล้ว เช กูวารา คือวีรบุรุษในดวงใจของใครหลายคนไม่มากก็น้อย ตั้งแต่ฮิปปี้อเมริกาที่ต่อต้านสงครามเวียดนาม ถึงกระทั่งขบวนการนิสิตนักศึกษาประชาชนไทยในการปฏิวัติ 2516 กระทั่งคนหนุ่มสาวร่วมสมัยในปัจจุบัน ตั้งแต่ละตินอเมริกาถึงชายฝั่งเอเชียแปซิฟิค ภาพของเขาผ่านการก๊อปปี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องราวของเขาถูกเล่าผ่านนานนับไม่ถ้วน..
เขาผู้ไม่ยินยอมค้อมหัวให้อำนาจเผด็จการป่าเถื่อน และจักรวรรดินิยมอเมริกา เขาผู้จากบ้านมาแต่ไกลเพื่อปลดปล่อยประเทศคิวบาจนได้รับชัยชนะ ทั้งยังทิ้งลาภยศสรรเสริญมุ่งหน้าเดินทางสู่โบลิเวียเพื่อร่วมกองทัพปลดปล่อยประชาชนจนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต เมื่อโดนกองกำลังทหารโบลิเวียที่ร่วมมือกับ CIA จับกุมตัวไว้ได้ ..
ทันทีที่รัฐบาลโบลิเวียแจ้งไปยังรัฐบาลอเมริกา CIA ได้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งเข้ามาสอบปากคำ เช กูวารา ในฐานะเชลยศึก และทันทีที่ได้รับใบสั่งจากวอชิงตัน เจ้าหน้าที่ CIA กล่าวกับเชว่า“ท่านจะบอกกล่าวอะไรก่อนตายหรือไม่”..เช กูวารา หลับตาลงช้าๆ และกล่าวว่า ..“ฝากบอกภรรยาผมด้วย อย่าเสียใจที่ผมต้องจากไป” .. (เช เกวารา, เธนศ วงศ์ยานนาวา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
ด้วยความเป็นวีรบุรุษของฝ่ายซ้ายทั่วโลกในขณะนั้น ศัตรูถึงกลับตัดมือและเท้าของเขาเพื่อทำลายร่องรอยของศพ เพื่อฝังกลบสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เยี่ยงวีรบุรุษของเขาให้โลกลืม..แต่กระนั้น 30 ปีให้หลังศพของเขาก็ถูกค้นพบ..













Ernesto Che Guevara (เช กูวารา) เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ปี 1928 (ข้อมูลหลายแห่งบอกว่า เขาเกิดในเดือนมิถุนายน แต่จริง ๆ แล้วมารดาของเขา ต้องการปกปิดว่าเธอตั้งครรภ์ก่อนแต่งราว สามเดือนจึงให้แพทย์ลงในใบเกิดว่าคลอดเดือนมิถุนายน เพราะการคลอดก่อนกำหนดเจ็ดเดือน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้) ที่เมือง โรซาริโอ (Rosario) อำเภอเล็ก ๆ ของกรุงบัวโนส ไอเรส (Buenos Aires) ประเทศอาร์เจนตินา ครอบครับของเขาเป็นชนชั้นกลาง เป็นบุตรของ Ernesto Guevara Lynch และ Celia de la Serna Llosa มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน และ Ernesto เป็นพี่คนโต

บิดาเป็นนักธุรกิจที่มีปัญหาเรื่องการเงิน อยู่เสมอ แต่ก็สามารถ ประคับประคองครอบครัวให้มีความสุขตลอดมา ในวัยเด็ก Ernesto เกิดและโตอยู่ท่ามกลางเรื่องราวความแตกต่างของชนชั้นทางสังคมมาตลอด สายเลือดแห่งความเป็นนักสังคม และการมีบุคลิกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้คนยอมรับภาวะการ เป็นผู้นำของเขา ก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดามารดานั่นเอง

หนูน้อย Ernesto เริ่มเป็น โรคหอบหืด (Asthma) ตอนเอายุได้เพียงสองขวบเท่านั้น และโรคนี้ก็กลายเป็นโรคประจำตัว ของเขาไปตลอดชีวิต โรคหอบหืด เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของ Ernesto ในเวลาต่อมา เนื่องจาก เมื่อโตขึ้น เขาตั้งใจว่าจะเรียนวิชาแพทย์เพื่อหาทางรักษามันให้หายให้ได้

ปี 1947 Ernesto เข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัย Universidad Nacional de Cordoba โดยเน้นวิชาการด้านผิวหนัง (Lepraleiden (โรคเรื้อน)) ครอบครัวของเขา ตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่ที่เมือง Alta Gracia ซึ่งอยู่ใกล้กับเมือง Cordoba เมืองที่เขาเรียนอยู่ ทั้งนี้เพราะที่เมืองนี้ มีอากาศที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพของ Ernesto

ในช่วงของการเรียนมหาวิทยาลัย Ernesto พยายามเล่นกีฬาหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ลัคบี้ เบสบอล ปีนเขา และอื่น ๆ โดยหวังจะเอาชนะโรคหอบหืด แต่ก็ยังไม่สำเร็จ ครั้งหนึ่งในช่วงปี 1951 เขาตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวระยะยาวร่วมกับเพื่อนชื่อ อัลแบร์โต กรานาโด (Alberto Granado) ไปทั่วอเมริกาใต้ด้วยรถมอร์เตอร์ไซด์ (Motorradreise)

(บันทึกการเดินทางของเขา ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา "The Motorcycle Diaries") และการเดินทางครั้งนี้นอกจากทำให้เขาโด่งดังไปทั่วแล้ว ยังเป็นการเดินทางที่มีผลต่อแนวคิดครั้งยิ่งใหญ่ จนเขากลายเป็นนักปฏิวัติ ผู้ตั้งใจอุทิศชีวิต และเลือดเนื้อเพื่อคนชั้นล่างของสังคมในเวลาต่อมาด้วย ในช่วงที่เดินทางผ่านประเทศ โบลิเวีย, ชิลี, เวเนซูเอลา รวมทั้งการทำงานเป็นแพทย์อาสา ในระยะเวลาสั้น ๆ ที่เปรู ทำให้ Ernesto ได้เห็นภาพความยากจนของชาวบ้านที่โดน กดขี่จากนักการเมือง และนักธุรกิจ ในท่ามกลางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมของประเทศอย่างมาก หนุ่มน้อย Ernesto จึงหันมาสนใจการเมืองในอเมริกาใต้อย่างจริงจัง แนวคิดที่มีอิทธิพลต่อเขาอย่างยิ่ง คือ มาร์กซิสต์ (Marxismus) อย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้ว แนวคิดมาร์กซิสต์นี้ Ernesto ศึกษามาก่อนหน้าที่เขาจะท่องเที่ยวแล้ว ด้วยเขาเป็นคนชอบอ่านหนังสือ รวมทั้งสนใจศึกษาปรัชญา การเมืองการปกครอง มาแต่สมัยเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองการปกครองของประเทศอาร์เจนตินา บ้านเกิดของเขาเอง ภายใต้การนำของผู้นำที่เขาเกลียด Juan Domingo Peron เพราะคอยกดขี่ประชาชน อยู่เเสมอ

ภาพการถูกกดขี่ข่มเหงของประชาชนในอเมริกาใต้โดยทั่วไป ได้กลายเป็นสิ่งบ่มเพาะจิตสำนึก จนทำให้ Ernesto ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่า เขาจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อปลดปล่อยสภาพแบบนั้น ให้กับประชาชนชาวอเมริกาใต้ และคิดได้ว่า การทำงานเป็นแพทย์แต่เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือผลักดันให้เกิดภาพที่เขาอยากเห็นเหล่านั้นได้ ดังนั้น ปี 1953 หลังเรียนจบที่คณะแพทย์ ในขณะที่ Granado เพื่อเก่าที่เคยเดินทางด้วยกัน ย้ายไปทำงานที่เวเนซูเอล่า Ernesto กลับเดินทางไปประเทศกัวเตมาลา เพื่อเข้าร่วมกับคณะรัฐประหาร ที่ต่อต้าน Jacobo Arbenz Guzmán ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศสหรัฐอเมริกา และที่นี่เองที่เขาพบรักกับ Hilda Gadea Acosta หญิงชาวเปรูที่ลี้ภัยการเมือง แม้จะเป็นเพียงแพทย์ในกลุ่ม แต่ด้วยประสบการณ์ และความทรงจำในกัวเตมาลา ผลักดันให้ Ernesto เดินทางต่อไปยังประเทศเม็กซิโก และได้แต่งงานกับ Hilda ที่นั่น และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1956 เขาก็ได้ลูกสาวคนแรกชื่อ Hildita



เม็กซิโก คือสถานที่สำคัญในการพลิกชีวิตของเขาอีกครั้งเมื่อ Ernesto ได้พบกับ ฟิเดล คาสโตร (Fidel Casto) นักปฎิวัติหนุ่มชาวคิวบา (ผู้นำประเทศคิวบาคนปัจจุบัน) เป็นครั้งแรก ในช่วงเดือนกรกฎาคมของปี 1955 ซึ่งในขณะนั้น ฟิเดล คาสโตร ผู้นำกลุ่ม Moncadistas เดินทางไปเม็กซิโกเพื่อลี้ภัยทางการเมือง ภายหลังที่เขาพึ่งพ้นโทษ ในข้อหาหัวหน้ากบฎจากปฏิบัติการโค่นล้มอำนาจประธานาธิบดีบาติสตา รัฐบาลผู้กุมอำนาจ เบ็ดเสร็จเด็ดขาด และกดขี่ชาวคิวบาอย่างแสนสาหัส เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม1953

คาสโตร รวบรวมสมัครพรรคพวกใหม่ รวมทั้งแอบฝึกกองกำลังติดอาวุธกับเพื่อนที่ลี้ภัยทางการเมือง ชาวคิวบา ผู้ร่วมปฎิบัติการวันที่ 26 กรกฎาคม (M-26-7) มาด้วยกัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกลับไปปฏิวัติ นำประชาธิปไตยสู่ประเทศคิวบาอีกครั้ง โดยเน้นการรบแบบสงครามกองโจรเป็นหลัก Ernesto เข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วย ในการร่วมกับกลุ่มครั้งแรก Ernesto ทำหน้าที่เป็นหน่วยแพทย์ โดยมีชื่อสมาชิกว่า Che (เป็นคำเรียก เพื่อนสนิท เพื่อนตาย ภาษาอาร์เจนตินา หรือ อาจใช้เป็นคำทักทายกัน ทำนองเดียวกับ Hey ก็ได้ เหตุที่ Ernesto ได้รับชื่อ Che นี้ ก็เพราะตัวเขาเองมักทักทายเพื่อน ๆ ในกลุ่มว่า Hey เสมอ ๆ)

วันที่ 25 พฤศจิกายน 1956 กลุ่มคณะปฏิวัติรวมทั้งสิ้น 82 คน ออกเดินทางด้วยเรือยนตร์ขนาดเล็ก ชื่อ Granma จากเมือง Tuxpan ประเทศเม็กซิโกมุ่งหน้าสู่ประเทศคิวบา แต่เนื่องจากวันเดินทาง เป็นคืนเดือนมืด และต้องแรมเรืออยู่ในทะเลราวเจ็ดคืน จึงขึ้นฝั่งที่คิวบาได้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1956 และเพราะโดนคลื่นลมพัดพา จนลูกเรือหลายคนเมาคลื่น รวมทั้งทำให้ขึ้นฝั่งผิดเป้าหมาย ที่วางแผนกันไว้ เป็นผลทำให้กองกำลังปฏิวัติถูกโจมตีโดยกองทัพของประธานาธิบดีบาติสตา จนแตกพ่ายที่เทือกเขาในเขตเมือง Sierra Maestra เหลือกำลังพลเพียง 12 คน เท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็คือ Che Guevara ในปฏิบัติการรบด้วยวิธีแบบกองโจรนี้เอง ที่ทำให้ Che ต้องเปลี่ยนตำแหน่งของเขาอย่างรวดเร็ว จากการทำหน้าที่แพทย์ ก็ค่อย ๆ กลายเป็นนักรบที่ต้องจับอาวุธขึ้นต่อสู่โดยตรง และด้วยการปฏิบัติการที่เด็ดขาดแน่วแน่ รวมทั้งไหวพริบปฏิพานที่ได้รับการฝึกฝนทำให้ Che กลายเป็นทหารที่มีความสำคัญต่อกลุ่มในไม่ช้า และหลังจากที่หน้าที่ของ กองกำลังแรกซึ่งเป็นกองเริ่มต้น ภายใต้การบังคับบัญชาของ ฟิเดล คาสโตร (Comandante en Jefe) สิ้นสุดลงในปลายปี 1956 Che ก็ได้ยกฐานะขึ้นทำหน้าที่เป็นผู้บังคับการ กองกำลังทหารปฏิวัติช่วงที่สอง (Comandante der Rebellenarmee) ซึ่งเป็นหนึ่ง จากทั้งหมด 9 ช่วงในการปฏิวัติครั้งนั้น เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 1957 นอกจากนั้นเขายังได้รับความไว้วางใจให้เป็น ผู้บัญชาการของกลุ่ม II Kolonne ด้วย

“นักรบกองโจร คือ คนที่เสมือนผู้นำทาง เขาจะต้องช่วยคนจนเสมอ เขาจะต้องมีความรู้พิเศษทางเทคนิค มีวัฒนธรรมและศีลธรรมสูง มีความอดทนยิ่งต่อความทุกข์ทรมาน และความยากลำบาก และมีความสำนึกทางการเมืองสูงด้วย" Che (Guevara) ผู้เชื่อมั่นในวิธีการต่อสู้ด้วยสงครามกองโจร เคยกล่าวไว้
หลังจากกลุ่มของเขา ต่อสู้แบบกองโจรได้ราวสองปี แม้จะต้องแตกพ่ายในช่วงแรก แต่ในที่สุดที่เมือง Santa Clara (ซานตาครูส) วันที่ 1 มกราคม 1959 กองกำลังก็สามารถเข้ายึดอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จจากประธานาธิบดีบาติสตา ซึ่งสุดท้ายก็แอบหลบหนีออกจากคิวบาไป

แม้ก่อนหน้าที่จะยึดอำนาจ ได้สำเร็จกลุ่มของคาสโต จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะกับนายทุนอเมริกัน ผู้คาดหวังชัยชนะของคาสโตรจะทำให้มีโอกาสกอบโกยในคิวบา แต่คาสโตก็ขอรับการ สนับสนุนการปฏิวัติจากสหภาพโซเวียตด้วยในเวลาเดียวกัน และหลังจากการปฎิวัติสำเร็จลง คาสโตร เลือกที่จะยืนอยู่ตรงกันข้ามกับสหรัฐ นั่นหมายถึง เลือกอยู่ข้างค่ายโลกคอมมิวนิสต์แทน Che ได้รับสัญชาติเป็นชาวคิวบา ในปี 1959 เพื่อเป็นการขอบคุณเขาในฐานะเป็นผู้ร่วมโค่นล้ม บาติสตา ลงได้ และนอกจาก ฟิเดล คาสโตร , หลุย์ คาสโตร, คามิโล คีนฟูโก แล้ว Che ก็มีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลใหม่แห่งคิวบาด้วย ทั้งนี้เพื่อร่วมกันดำเนินการปฏิรูปประเทศใน ส่วนสำคัญ ๆ อย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตามในรัฐบาลสังคมนิยมชุดนี้ แนวทางคอมมิวนิสต์ยังคงมีอิทธิพลต่อแนวคิดของ Che และเข้มแข็งมากกว่าแนวปฏิบัตินิยม และการเมืองนิยมของคาสโตร จุดสูงสุดทางตำแหน่งทาง การเมืองของ Che คือ ช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจ และเป็นผู้อำนวยการ ธนาคารแห่งชาติของคิวบา ราวต้นปี 1960 รวมทั้ง ช่วงสั้น ๆ ของการเป็นรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมในปี 1961 ด้วย นอกจากงานทางด้านการเงิน การคลังแล้ว Che ยังได้รับมอบหมายงานที่เกี่ยวกับนโยบาย การปฎิรูปที่ดินในคิวบา โดยเขาเป็นผู้ผลักดัน และดำเนินการตามเป้าหมายแรกสุดของกลุ่ม ภายหลังการปฏิวัติสำเร็จ ก็คือ ยึดที่ดินของนักธุรกิจทั้งหลายมาแปลงให้เป็นทรัพย์สิน แล้วแจกจ่ายให้กับประชาชนของคิวบา และเมื่อรัฐบาลของคาสโตร ประกาศยึดที่ดินจากนายทุน มาแจกจ่ายให้กับประชาชนโดยให้ผลตอบแทนนายทุนบ้างเล็กน้อย ฝ่ายข่าวกรอง นอกประเทศของสหรัฐ จึงตัดสินใจเข้ามามีบทบบาทการเมืองในประเทศนี้ทันที ด้วยการหันไปหนุนบาติสตาผู้สูญเสียอำนาจให้กลับมาช่วงชิงอำนาจคืนอีกครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ฝ่ายอำนาจเก่าพ่ายแพ้ในการปะทะอย่างราบคาบ

ในช่วงเวลาที่เป็นผู้อำนวยการธนาคาร แห่งชาตินั้น Che กำหนดนโยบายที่ชัดเจนในเรื่อง เศรษฐศาสตร์การเมือง และกำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจ โดยอาศัยเรื่องคุณธรรมจริยธรรม เป็นพื้นฐานเท่านั้น เขาพยายามเรียกร้องให้คิวบาเลิกพึ่งพาความช่วยเหลือจากประเทศสหรัฐอเมริกาในทุก ๆ ด้าน แล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากค่ายสหภาพโซเวียตแทน รวมทั้งให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ฟุ่มเฟือย สิ้นเปลือง เขาเรียกโปรเจคชิ้นนี้ว่า “New Man” แม้แนวคิดดังกล่าว จะถูกโต้แย้ง แต่ยิ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นแรงผลักให้ Che พยายามปฏิบัติให้เห็น เป็นตัวอย่างว่า สิ่งที่เขาคิดเป็นเรื่องที่ทำได้จริง ๆ วันที่ 22 พฤษภาคม 1956 Che แยกทางกับ Hilda ซึ่งอยู่ที่เม็กซิโก แล้วแต่งงานใหม่ เมื่อวันที่ 2 มิถุนยน 1956 กับหญิงชาวคิวบา Aleida March ซึ่งทำงานเป็นหน่วยส่งเอกสาร ให้กับคณะปฏิวัติ ซึ่งได้รู้จักกันในระหว่างการสู้รบที่คิวบา

ภายหลังการรับ ตำแหน่งสำคัญ ๆ เหล่านั้น Che ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ เขาวางแผน ศึกษา เรียนรู้ ทั้งวันทั้งคืนเท่าที่จะทำได้ แม้เขาจะมีบุตรกับ Aleida 4 คน แต่ลูก ๆ ของเขาได้เจอเขาน้อยมาก เพราะเขาทำงานวันละ 18 ชั่วโมง Che ทำงานด้วยความสมัครใจของเขาเอง เขาปฏิเสธที่จะรับเงิน หรือผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ อันเนื่องมาจากการมีตำแหน่งนั้น ๆ ทั้งสำหรับตัวเขาเอง และครอบครัว ครั้งใดที่ภรรยาของเขา Aleida จำเป็นต้องใช้รถประจำตำแหน่ง Che จะจ่ายเงินค่าน้ำมันรถเอง ความพยายามทุก ๆ อย่างของเขา ก็คือ เขาอยากให้ใคร ๆ ได้เห็นภาพของวิธีคิด และการปฏิบัติตัว (New Man) โดยเขายินดีที่จะเริ่มเป็นตัวอย่างที่ดีก่อน และด้วยการทำงานหนัก และการดำเนินการ ตามแผนเศรษฐกิจอย่างเคร่งครัด ของ Che ในช่วงนั้นเองที่ช่วยทำให้เศรษฐกิจที่เคย ล้มเหลวของคิวบากระเตื้องขึ้น รวมทั้งช่วยหยุดความขาดแคลนทั้งหลายที่เกิดขึ้นได้จนถึงทุกวันนี้ 1961 Che ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

1962 เขาเปิดเจรจรข้อตกลงกับสหภาพโซเวียต (Union der Sozialistischen Sowjetrepubliken หรือ UdSSR ) เกี่ยวกับการขอความสนับสนุนด้านอาวุธ และด้านอื่น ๆ อย่างจริงจัง ภายหลังจากทีอเมริกาเริ่มไม่พอใจที่คิวบากระทำต่อนักธุรกิจอเมริกัน แล้วหันไปเข้ากับสหภาพโซเวียตแทน อเมริกาเพิ่มแรงกดดันทางการทหารกับคิวบามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชายฝั่งเมือง Havanna เรือสัญชาติฝรั่งเศษ (La Coubre) ถูกรอบวางระเบิด ในปี 1961 เป็นผลให้คนบนเรือตายไป 75 คน และอีก 200 คนได้รับบาดเจ็บ และรัฐบาลคิวบาสืบทราบว่า CIA เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดครั้งนั้น และการยืนไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นเองที่ภาพของ Che ถูกบันทึกไว้ โดยช่างภาพชื่อ Alberto Diaz Korda แล้วถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับบ่ายวันที่ 5 มีนาคม 1960 ในภาพซึ่งแสดงให้เห็น ดวงตาที่ฉายแววแห่งความเศร้า ปนความโกรธ และความมุ่งมั่นดื้อรั้นของ Che ทำให้ภาพนั้นกลายเป็นภาพที่โด่งดังที่สุดในบรรดาภาพถ่ายทั้งหลาย เพราะเป็นเหมือนภาพสัญลักษณ์ของนักต่อสู้ และการปฏิวัติที่แน่วแน่ และยิ่งใหญ่

1964/65 Che เดินทางไปในหลายประเทศเพื่อเจรจาเรื่องต่าง ๆ อาทิ ประเทศในทวีปเอเชีย สิงคโปร์ จีน หรือแม้แต่การเข้าประชุมกับองค์การสหประชาชาติ UN เพื่อประกาศความไม่สนใจ หรือไม่ต้องการพึ่งพาเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป อันเป็นการกล่าวคำปราศรัยที่โด่งดังที่สุดอีกครั้งหนึ่งของเขา

ต่อมา ในเดือนตุลาคม ปี 1965 คาสโต ได้รับจดหมายลาจาก Che ใจความว่า เขาขอสละตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมด รวมทั้งสัญชาติคิวบาด้วย เพื่อเขาจะกลับไปต่อสู้กับลัทธิจักรวรรดินิยมอีกครั้ง
"ผมไม่ได้ทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้ภรรยาและลูกๆ ของผม แต่ผมก็ไม่เสียใจ กลับรู้สึกมีความสุขที่มันเป็นไปอย่างนี้" (จดหมายลาถึงคาสโตร)

ครั้งนั้นเองที่แสดงให้เห็นว่า แม้ Che Cuevara จะได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ในประเทศคิวบา เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกแล้วก็ตาม แต่ด้วยวิญญาณแห่งการปฏิวัติที่ไม่เคยมอดไหม้ ประกอบกับความตั้งใจแน่วแน่ของเขาที่จะช่วยประชาชนชาวอเมริกาใต้ให้หลุดพ้นจากการ กดขี่ข่มเหงโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ หรือสัญชาติ ยศฐาบรรดาศักดิ์ทั้งหลายก็ไม่อาจทำลายแนวคิดเหล่านั้นได้ อย่างไรก็ตาม มีผู้กล่าวว่า หนึ่งในหลายเหตุผลที่ Che ตัดสินใจกลับเข้าป่าปฏิวัติอีกครั้ง ทั้งที่อายุย่างเข้าวัยกลางคน และมีโรคหืดหอบประจำตัว ก็คือ ความไม่สมหวังในการสร้างคิวบา Che ชิงชังความเห็นแก่ตัว และการให้ความช่วยเหลืออย่างเสียไม่ได้ที่โซเวียต และประเทศยุโรปตะวันออกในยุค ครุสชอพ มอบให้แก่ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย Che จึงลอกคราบการเป็นนักบริหาร และนักการฑูตของคิวบาซึ่งตัวเขาเป็นมาหลายปีออกแบบไม่ไยดี หันกลับไปสู่ป่าเพื่อการปฏิวัติโดยไม่ได้หยุดหย่อน ในประเทศอื่น ๆ ที่ยังตกอยู่ภายใต้ ลัทธิจักวรรดินิยม และเตรียมพร้อมที่จะใช้ชีวิต และความรู้สึกเยี่ยงมนุษย์ที่ยากจน ที่สุดอีกครั้งหนึ่ง

Che พร้อมเพื่อน ๆ อีกจำนวนหนึ่ง เข้าร่วมสงครามปฏิวัติที่ คองโก ในทวีปแอฟริกา ในปี 1965 แต่ก็ล้มเหลว จากนั้นปี 1966 เขาจึงเดินทางเข้าไปยังประเทศโบลิเวีย เพื่อร่วมกับกลุ่มกบฏโบลิเวีย ทำสงครามปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลเผด็จการโบลิเวียในสมัยนั้น กลุ่มนักรบของ Che ราว 44 คน พยายามนำยุทธวิธีกองโจร ที่ใช้ได้ผลมาแล้วสมัยสู้รบกับคาสโตครั้งปฏิวัติคิวบา มาใช้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยความแตกต่างกันทั้งพื้นที่ และลักษณะแนวคิดพื้นฐานของชาวโบลิเวีย ที่แตกต่าง จากชาวคิวบา ทำให้วิธีการของเขาใช้ไม่ค่อยได้ผล แม้ในด้านหนึ่งชาวบ้านโบลิเวียจะเห็นด้วย และชื่นชมกลุ่มของเขา แต่มีชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่พร้อมจะหักหลังกลุ่ม พวกเขาเช่นกัน

กองกำลังปฏิวัติของ Che โดนตีแตกกระจาย หัวหน้ากลุ่มที่แตกไป ถูกฆ่าตายตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม 1967 ส่วน Che และพวกที่เหลืออีกเพียง 14 คน โดนยิงบาดเจ็บ และถูกจับได้ในเดือนตุลาคม 1967 ที่ La Higuera เขตพื้นที่เล็ก ๆ ในเทือกเขา Cordillera ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของโบลิเวีย โดยกองกำลังทหารของรัฐบาลโบลิเวีย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก CIA ของสหรัฐอเมริกา Che ถูกจองจำไว้ที่ La Higuera โดยมีเจ้าหน้าที่ของ CIA และ Felix Rodríguez ผู้ลี้ภัยชาวคิวบา ทำหน้าที่สอบปากคำในฐานะเชลยศึก

และไม่มีการพิพากษาใด ๆ ในชั้นศาล Che ถูกสั่งฆ่าด้วยการยิงเป้า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 1967 เวลา 13.10 น. จบชีวิตนักปฏิวัติที่มุ่งมั่น ด้วยวัยเพียง 39 ปี เท่านั้น

ภายหลังการถูกฆาตรกรรม ร่างของ Che ถูกทำให้ไร้ร่องรอย มือทั้งสองข้างของเขาถูกตัด เพื่อปิดช่องทางการพิสูจน์ตัวตน ร่างของเขาถูกนำไปฝังในสถานที่ลับห่างจากเมือง Vallegrande ราว 30 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ในโบลิเวีย (และห่างจากซานตาครูซ ประเทศคิวบาราว 125 กิโลเมตร) แต่ในที่สุดโครงกระดูกของ Che ก็ถูกค้นพบเมื่อปี 1997 โดยนักวิทยาศาสตร์ในโบลิเวียเป็นผู้พิสูจน์ ว่าโครงกระดูกนั้นเป็นของ Che Guevara จริง

กระดูกของเขาถูกส่งกลับไปยังเมืองซานตาครูส ประเทศคิวบา สถานที่ที่เขาเป็นวีรบุรุษผู้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตร เมื่อปี 1958 เพื่อล้มรัฐบาลกดขี่ของบาติสตา คิวบาเก็บโครงกระดูกของ Che ว้ที่ Mausoleum หลุมฝังศพอันทรงเกียรติ ในซานตาครูซ และที่นั่นเอง (รวมทั้งอีกหลาย ๆ แห่งทั่วประเทศคิวบา) ชาวคิวบาได้สร้างอนุเสารีย์ Ernesto Che Guevara ในรูปที่พวกเขาคุ้นเคย คือ มือหนึ่งถือปืน ส่วนแขนข้างซ้ายเข้าเฝือกไว้ ขึ้นเป็นตัวแทนแห่งวีรบุรุษนักปฏิวัติ ที่ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชนชั้นล่างของสังคมจากการกดขี่ข่มเหงของนายทุนใน ลัทธิจักวรรดินิยม

และมีพิพิธภัณฑ์ Che Guevara แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติชีวิต และการต่อสู้ของ Che เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้วย แนวคิดสังคมนิยม ของ Che มีความหมายมากกว่าการพัฒนาทางวัตถุ หรือมุ่งเน้นแต่เรื่องยกระดับการครองชีพ
"คุณภาพชีวิตจะต้องดีขึ้นด้วย ความหมายของการครองชีวิตต้องจัด ควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางวัตถุ... ผู้ใช้แรงงานจะรู้สึกว่าการทำงานเป็นความภาคภูมิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์" และ "ลัทธิทุนนิยมได้ติดสินบนความภาคภูมิใจของคนงาน และเปลี่ยนเขาไปสู่ความละโมบเพื่อตัวเอง ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันผิด ๆ คือ เขาทำงานเพื่อเงิน ไม่ใช่ทำงานเพื่องานของสังคม การพัฒนาความสำนึก หมายความว่า ปลุกเร้าให้กรรมกรทำงานด้วยความเต็มใจ และยินดี ไม่ใช่เพื่อความทะเยอทะยาน ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพื่อบรรลุอุดมการณ์ของพวกเขา เพื่อความเชื่อในตัวผู้นำของเขา และเพื่อความปรารถนาอนาคตที่ดีกว่าสำหรับสังคมทั้งมวล อันจะย้อนเข้ามาสู่ตัวพวกเขาเอง โดยมีรัฐเป็นผู้ดูแลสนองสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่าง ด้วยวิธีนี้จะทำให้คนงานสามารถใช้แรงงานเพื่อสิ่งที่ดีงามโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งเงินตรากลายเป็นสิ่งล้าสมัย เหมือนกับ การค้าทาส ที่ต้องสิ้นสุดลง"

นั่นคือ สังคมในอุดมคติของ Che เป็นฝันไกลที่มนุษย์ยังไปไม่ถึง แม้แต่ประเทศที่ปกครองด้วยระบบสังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์เองก็ตาม แต่ก็ไม่ควรด่วนสรุปว่า ความฝันเช่นนี้หมดความหมายลงโดยสิ้นเชิง เพราะครั้งหนึ่ง ก็เคยกระตุ้นคนหนุ่มสาวให้ร่วมฝัน ร่วมสู้ ร่วมสร้างมาแล้ว มีผู้กล่าวว่า สิ่งที่ Che ทำ มันไม่เคยสำคัญเลยว่าเขาจะประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว จิตใจ ความมุ่งมั่น และการได้ลงมือทำจริง ๆ จัง ๆ ของเขา ที่จนทุกวันนี้ก็หาคนทำเช่นนั้นไม่ได้ต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า การกระทำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจที่ดีงาม อยากช่วยปลดปล่อยชนชั้นกรรมาชีพผู้ถูกกดขี่ ไม่เคยได้รับความเป็นธรรม ซากความฝันของเขา อาจยังมีพลังจาง ๆ แอบแฝงอยู่ในสังคมปัจจุบันที่มุ่งลิ่ วไปในทิศทางทุนนิยม เป็นพลังจางที่ทำให้เหลือส่วนเสี้ยวริ้วรอยของความฝันเก่า ๆ อยู่บ้างก็เป็นได้

และคงเพราะ Che Geuvara ไม่ยึดติดกับตำแหน่งใหญ่โตในคิวบา เขาจึงกลายเป็นตำนาน ในจิตใจคนหนุ่มสาวทั่วโลก แม้เวลาจะผ่านมานานถึง 30 กว่าปีแล้วก็ตาม

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สื่อการเรียนการสอน

- ความหมาย

- ประเภท

- ประโยชน์

......สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทักษะ ประสบการณ์ จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

......ประเภทของสื่อการเรียนการสอน

.............สื่อการเรียนการสอนแบ่งตามคุณลักษณะได้ 4 ประเภทคือ

........1. สื่อประเภทวัสดุ ได้แก่สไลด์ แผ่นใส เอกสาร ตำรา สารเคมี สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และคู่มือการฝึกปฏิบัติ

........2. สื่อประเภทอุปกรณ์ ได้แก่ของจริง หุ่นจำลอง เครื่องเล่นเทปเสียง เครื่องเล่นวีดิทัศน์ เครื่องฉายแผ่นใส อุปกรณ์และเครื่องมือในห้องปฏิบัติการ

........3. สื่อประเภทเทคนิคหรือวิธีการ ได้แก่การสาธิต การอภิปรายกลุ่ม การฝึกปฏิบัติการฝึกงาน การจัดนิทรรศการ และสถานการณ์จำลอง

........4. สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ ได้แก่คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) การนำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer presentation) การใช้ Intranet และ Internet เพื่อการสื่อสาร (Electronic mail: E-mail) และการใช้ WWW (World Wide Web)

.............สื่อการเรียนการสอนจำแนกตามประสบการณ์

........1. ประสบการณ์ตรงและมีความมุ่งหมาย ประสบการณ์ขั้นนี้ เป็นรากฐานสำคัญของการศึกษาทั้งปวง เป็นประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับมาจากความเป็นจริงและด้วยตัวเองโดยตรง ผู้รับประสบการณ์นี้จะได้เห็น ได้จับ ได้ทำ ได้รู้สึก และได้ดมกลิ่นจากของจริง ดังนั้นสื่อการสอนที่ไห้ประสบการณ์การเรียนรู้ในขั้นนี้ก็คือของจริงหรือความเป็นจริงในชีวิตของคนเรานั่นเอง

....... 2. ประสบการณ์จำลอง เป็นที่ยอมรับกันว่าศาสตร์ต่างๆ ในโลก มีมากเกินกว่าที่จะเรียนรู้ได้หมดสิ้นจากประสบการณ์ตรงในชีวิต บางกรณีก็อยู่ในอดีต หรือซับซ้อนเร้นลับหรือเป็นอันตรายไม่สะดวกต่อการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จึงได้มีการจำลองสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาเพื่อการศึกษา ของจำลองบางอย่างอาจจะเรียนได้ง่ายกว่าและสะดวกกว่า

........3. ประสบการณ์นาฏการ ประสบการณ์ต่าง ๆ ของคนเรานั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่สามารถประสบได้ด้วยตนเอง เช่น เหตุการณ์ในอดีต เรื่องราวในวรรณคดี การเรียนในเรื่องที่มีปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ หรือเรื่องธรรมชาติที่เป็นนามธรรม การแสดงละครจะช่วยไปให้เราได้เข้าไปใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด เช่น ฉาก เครื่องแต่งตัว เครื่องมือ หุ่นต่าง ๆ เป็นต้น

........4. การสาธิต การสาธิตคือ การอธิบายถึงข้อเท็จจริงหรือแบ่งความคิด หรือกระบวนการต่าง ๆให้ผู้ฟังแลเห็นไปด้วย เช่น ครูวิทยาศาสตร์เตรียมก๊าซออกซิเจนให้นักเรียนดู ก็เป็นการสาธิต การสาธิตก็เหมือนกับนาฏการ หรือการศึกษานอกสถานที่ เราถือเป็นสื่อการสอนอย่างหนึ่ง ซึ่งในการสาธิตนี้อาจรวมเอาสิ่งของที่ใช้ประกอบหลายอย่าง นับตั้งแต่ของจริงไปจนถึงตัวหนังสือ หรือคำพูดเข้าไว้ด้วย แต่เราไม่เพ่งเล็งถึงสิ่งเหล่านี้ เราจะให้ความสำคัญกับกระบวนการทั้งหมดที่ผู้เรียนจะต้องเฝ้าสังเกตอยู่โดยตลอด

........5. การศึกษานอกสถานที่ การพานักเรียนไปศึกษานอกสถานที่ เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตเพื่อให้นักเรียนได้เรียนจากแหล่งข้อมูล แหล่งความรู้ที่มีอยู่จริงภายนอกห้องเรียน ดังนั้นการศึกษานอกสถานที่จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่เป็นสื่อกลางให้นักเรียนได้เรียนจากของจริง

........6. นิทรรศการ นิทรรศการมีความหมายที่กว้างขวาง เพราะหมายถึง การจัดแสดงสิ่งต่างๆเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ชม ดังนั้นนิทรรศการจึงเป็นการรวมสื่อต่าง ๆ มากมายหลายชนิด การจัดนิทรรศการที่ให้ผู้เรียนมามีส่วนร่วมในการจัด จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสคิดสร้างสรรค์มีส่วนร่วม และได้รับข้อมูลย้อนกลับด้วยตัวของเขาเอง

........7. โทรทัศน์และภาพยนตร์ โทรทัศน์เป็นสื่อการสอนที่มีบทบาทมากในปัจจุบัน เพราะได้เห็นทั้งภาพและได้ยินเสียงในเวลาเดียวกัน และยังสามารถแพร่และถ่ายทอดเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ด้วย นอกจากนั้นโทรทัศน์ยังมีหลายรูปแบบ เช่น โทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งโรงเรียนสามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์วงจรปิด ที่เอื้อประโยชน์ต่อการศึกษาอย่างกว้างขวาง ภาพยนตร์เป็นสื่อที่จำลองเหตุการณ์มาให้ผู้ชมหรือผู้เรียนได้ดูและได้ฟังอย่างใกล้เคียงกับความจริง แต่ไม่สามารถถ่ายทอดเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ ถึงอย่างไรก็ตามภาพยนตร์ก็ยังนับว่าเป็นสื่อที่มีบทบาทมากในการเรียนการสอน เช่นเดียวกันกับโทรทัศน์

........8. ภาพนิ่ง การบันทึกเสียง และวิทยุ ภาพนิ่ง ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพวาดซึ่งมีทั้งภาพทึบแสงและโปร่งแสง ภาพทึบแสงคือรูปถ่าย ภาพวาด หรือภาพในสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ส่วนภาพนิ่งโปร่งใสหมายถึงสไลด์ ฟิล์มสตริป ภาพโปร่งใสที่ใช้กับเครื่องฉายวัสดุโปร่งใส เป็นต้น ภาพนิ่งสามารถจำลองความเป็นจริงมาให้เราศึกษาบนจอได้ การบันทึกเสียง ได้แก่ แผ่นเสียงและเครื่องเล่นแผ่นเสียง เทปและเครื่องบันทึกเสียง และเครื่องขยายเสียงตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเสียงซึ่งนอกจากจะสามารถนำมาใช้อย่างอิสระในการเรียนการสอนด้วยแล้ว ยังใช้กับรายการวิทยุและกิจกรรมการศึกษาอื่น ๆ ได้ด้วย ส่วนวิทยุนั้น ปัจจุบันที่ยอมรับกันแล้วว่า ช่วยการศึกษาและการเรียนการสอนได้มาก ซึ่งไม่จำกัดอยู่แต่เพียงวิทยุโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงวิทยุทั่วไปอีกด้วย

........9. ทัศนสัญลักษณ์ สื่อการสอนประเภททัศนสัญญลักษณ์นี้ มีมากมายหลายชนิด เช่น แผนภูมิแผนภาพ แผนที่ แผนผัง ภาพโฆษณา การ์ตูน เป็นต้น สื่อเหล่านี้เป็นสื่อที่มีลักษณะเป็นสัญลักษณ์สำหรับถ่ายทอดความหมายให้เข้าใจได้รวดเร็วขึ้น.......10.วจนสัญลักษณ์ สื่อขั้นนี้เป็นสื่อที่จัดว่า เป็นขั้นที่เป็นนามธรรมมากที่สุด ซึ่งได้แก่ตัวหนังสือหรืออักษร สัญลักษณ์ทางคำพูดที่เป็นเสียงพูด ความเป็นรูปธรรมของสื่อประเภทนี้จะไม่คงเหลืออยู่เลย อย่างไรก็ดี ถึงแม้สื่อประเภทนี้จะมีลักษณะที่เป็นนามธรรมที่สุดก็ตามเราก็ใช้ประโยชน์จากสื่อประเภทนี้มาก เพราะต้องใช้ในการสื่อความหมายอยู่ตลอดเวลา

.........สื่อการเรียนการสอนจำแนกตามคุณสมบัติ

.................Wilbure Young ได้จัดแบ่งไว้ดังนี้

..........1. ทัศนวัสดุ (Visual Materials) เช่น กระดานดำ กระดานผ้าสำลี) แผนภูมิ รูปภาพ ฟิล์มสตริป สไลด์ ฯลฯ

..........2. โสตวัสดุ (Audio Materisls ) เช่น เครื่องบันทึกเสียง (Tape Recorder) เครื่องรับวิทยุ ห้องปฏิบัติการทางภาษา ระบบขยายเสียง ฯลฯ

..........3. โสตทัศนวัสดุ (Audio Visual Materials) เช่น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ ฯลฯ

..........4. เครื่องมือหรืออุปกรณ์ (Equipments) เช่น เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องฉายฟิล์มสตริปเครื่องฉายสไลด์

..........5. กิจกรรมต่าง ๆ (Activities )เช่น นิทรรศการ การสาธิต ทัศนศึกษา ฯลฯสื่อการเรียนการสอนจำแนกตามรูปแบบ(Form)

................Louis Shores ได้แบ่งประเภทสื่อการสอนตามแบบไว้ ดังนี้

..........1. สิ่งตีพิมพ์ (Printed Materials) เช่น หนังสือแบบเรียน เอกสารการสอน ฯลฯ

..........2.วัสดุกกราฟิก เช่น แผนภูมิ ( Charts) แผนสถิติ (Graph) แผนภาพ (Diagram) ฯลฯ

..........3. วัสดุฉายและเครื่องฉาย (Projected Materials and Equipment) เช่น ภาพยนตร์ สไลด์ ฯลฯ

..........4. วัสดุถ่ายทอดเสียง (Transmission) เช่น วิทยุ เครื่องบันทึกเสียง

........สื่อการเรียนการสอนตามลักษณะและการใช้

........1. เครื่องมือหรืออุปกรณ์ (Hardware)

........2. วัสดุ (Software)

........3. เทคนิคหรือวิธีการ (Techinques or Methods)

....คุณค่า และประโยชน์ของสื่อการเรียนการสอน

1. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่

....1.1 เรียนรู้ได้ดีขึ้นจากประสบการณ์ที่มีความหมายในรูปแบบต่างๆ

....1.2 เรียนรู้ได้อย่างถูกต้อง

....1.3 เรียนรู้ได้ง่ายและเข้าใจได้ชัดเจน

....1.4 เรียนรู้ได้มากขึ้น

....1.5 เรียนรู้ได้ในเวลาที่จำกัด

2. ช่วยให้สามารถเอาชนะข้อจำกัดต่าง ๆ ในการเรียนรู้ ได้แก่

....2.1 ทำสิ่งนามธรรมให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

....2.2 ทำสิ่งซับซ้อนให้ง่ายขึ้น

....2.3 ทำสิ่งเคลื่อนไหวช้าให้เร็วขึ้น

....2.4 ทำสิ่งเคลื่อนไหวเร็วให้ช้าลง

....2.5 ทำสิ่งเล็กให้ใหญ่ขึ้น

....2.6 ทำสิ่งใหญ่ให้เล็กลง

....2.7 นำสิ่งที่อยู่ไกลมาศึกษาได้

....2.8 นำสิ่งที่เกิดในอดีตมาศึกษาได้ช่วยกระตุ้นความสนใจของผู้

....2.9 ช่วยให้จดจำได้นาน เกิดความประทับใจและมั่นใจในการเรียน

....2.10 ช่วยให้ผู้เรียนได้คิดและแก้ปัญหา

....2.11 ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล.........

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เทคโนโลยีการศึกษา


รหัสวิชา ล.1008
อาจารย์ผู้สอน ผศ.วิวรรธน์ จันทร์เทพย์
คำอธิบายรายวิชา
ความหมาย ขอบข่าย และความสำคัญของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษาต่อการเรียนการสอน วิธีระบบ กระบวนการสื่อความหมาย การจำแนกประเภทของสื่อการเรียนการสอน การเลือก การแนะนำให้รู้จักเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาที่เหมาะสมกับการเรียนการสอน การจัดหา การใช้ การผลิต การประเมินผล และการเก็บรักษาสื่อการเรียนการสอน ฝึกปฏิบัติผลิตสื่อกับสภาพของชั้นเรียน
วัตถุประสงค์
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเรียนการสอนแล้วนักศึกษาจะมีความสามารถดังต่อไปนี้
1. มีความรู้ความเข้าใจ ความหมาย ขอบข่าย ความสำคัญของเทคโนโลยีและนวัตกรรมศึกษาที่มีต่อการ เรียนการสอน วิธีระบบ กระบวนการสื่อความหมาย การจำแนก ประเภทของสื่อการเรียนการสอน การเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาที่เหมาะสมกับการเรียนการสอนตลอดจนการประเมิน
2. สามารถปฏิบัติการการจัดหา ผลิต ใช้และเก็บรักษาสื่อการเรียนการสอน
3. มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาเทคโนโลยีการศึกษาและสามารถประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนการสอนได้
วัตถุประสงค์ของวิชา
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการเรียนการสอนในรายวิชานี้แล้วนักศึกษาจะมีความสามารถหรือมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้
1. เข้าใจความหมาย ขอบข่าย ความสำคัญและบทบาทของเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาต่อการเรียนการสอน
2. สามารถอธิบายความมาย คุณค่า ประเภท หลักการจัดหา การเลือก การผลิต และการใช้สื่อการเรียนการสอนให้เหมาะสมได้
3. สามารถอธิบายหลักจิตวิทยาการรับรู้ การเรียนรู้ และจิตวิทยาพัฒนาการ ซึ่งเป็นพื้นฐานของกระบวนการสื่อความหมายและการเรียนการสอนได้
4. สามารถประยุกต์วิระบบมาใช้เพื่อให้การจัดการศึกษาและการเรียนการสอนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
5. สามราถอธิบายหลักการเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษาที่เหมาะสมกับการเรียนการสอน
เนื้อหา
การจัดลำดับในเนื้อหาจากการศึกษาคำอธิบายรายวิชา ผู้สอนได้วิเคราะห์เนื้อหา แล้วจำแนกและเรียงลำดับให้เหมาะสมกับศึกษาและการเรียนรู้ของผู้เรียน แบ่งเป็น 14 หน่วย ใช้เวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง รวม 32 ชั่วโมง ซึ่งเนื้อหาแต่ละหน่วยการเรียนการสอนได้เรียงลำดับดังนี้
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความหมายของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 สื่อการสอน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สื่อการสอนประเภทวัสดุ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 สื่อการสอนประเภทโสตทัศนูปกรณ์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 สื่อการสอนประเภทกิจกรรม
หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 การสื่อความหมาย
หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 จิตวิทยาการเรียนการสอน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 8 การจัดระบบการเรีนการสอน
หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 คอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา
หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 นวัตกรรมทางการศึกษา
หน่วยการเรียนรู้ที่ 11 การวิจัยทางเทคโนโลยีการศึกษา
หน่วยการเรียนรู้ที่ 12 แนวโน้มของเทคโนโลยีกรศึกษา
หน่วยการเรียนรู้ที่ 13 การฝึกปฏิบัติการผลิตสื่อการสอนด้วยคอมพิวเตอร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ 14 การฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับสื่อกิจกรรม